skip to main
|
skip to sidebar
21 มิถุนายน 2551
มุมคนโสด
บทความที่ใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
อาจารย์ผู้สอน : วิชาการสร้างสื่อการเรียนการสอน(Media Production)
ผศ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์
ธิดารัตน์ วงษ์ละคร(ดา)
บล็อกนี้จัดทำโดยธิดารัตน์ วงษ์ละคร+อาจารย์ผู้สอนและให้คำปรึกษา***ผศ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์ ***+ออกแบบโดยอาทิตย์ แพไธสง
พ า ก ย์ อี ส า น
เซียงเมี่ยง***...เรื่องราวของ เซียงเมี่ยง หรือมักสิเอิ่นกันว่า บักเซียงเมี่ยง เป็นเรื่องราวที่มักนำมาเว้าต่อๆ กันมา ปากต่อปากแบบนิทานพื้นบ้าน เพื่อให้เกิดความบันเทิงใจ นั่นล่ะ กะมีผู้บันทึกรวบรวมไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อยู่ดอกหว๋า แต่ว่าหาอ่านยากคัก ข้าน้อยเอง เคยอ่านฉบับภาษาอีสาน (โตหนังสือไทย) แต่สมัยยังเป็นเณรน้อย กะจำได้แหน่ บ่ได้แหน่ ตามประสาคนขี้ลืม... ***พากย์อีสานโดย ธิดารัตน์ วงษ์ละคร***
นิทานก้อม ***พ า ก ย์ อี ส า น***
...นิทานก้อม คือ นิทานขนาดสั้น นิทานที่บ่ยาว แล้วกะมักสิเป็นเรื่องสนุกสนาน ฟังแล้วเป็นตาอยากหัว เรื่องราวส่วนใหญ่ กะมักสิเป็นเรื่องล้อเลียนคนผู้ลังคน ที่เฮ็ดโตบ่ปกติ หรือเฮ็ดอีหยังผิดๆ พลาดๆ เซ่อๆ ซ่าๆ เรื่องราวหน้าแตก ประเภทนี้ล่ะ... เรื่องหน้าแตก เรื่องเปิ่นๆ ป่วงๆ ของผู้นั้นผู้นี้หรือว่าของผู้อื่น คนเฮามักฟัง ฟังแล้วกะขบขันอยากหัว เป็นการคลายเครียด ไปนำนั่นล่ะ ...** พากย์อีสานโดย ธิดารัตน์ วงษ์ละคร**
นิทานแลงพากย์อีสาน
...ในสมัยที่ยังบ่มีไฟฟ้าใช้ บ่ทันมีโทรทัศน์น้อ หลังกินข้าวแลงแล้ว คนเฮือนใกล้เคียงกัน มักสิมาชุมนุมกัน อยู่เดิ่นบ้านของผู้ได๋ผู้นึง นั่งโสเหล่กัน ย่อยอาหารไปนำ เสริมเย็นไป ชมดาวชมอีเกิ้งไปนำ และในช่วงนี้เองที่คนเฒ่าคนแก่ มักจะนำนิทานต่างๆ มาเว้าสู่กันฟัง มาเว้าสู่เด็กน้อยฟัง... ***พากย์อีสานโดย ธิดารัตน์ วงษ์ละคร***
คำทวยอีสาน
...“คำทวย” หรือ “การทายปัญหา” เป็นการละเล่น เป็นการพักผ่อนหย่อนใจ อย่างหนึ่ง ของคนอีสาน...คำทวย ที่รวบรวม ไว้นี้ เป็นเพียงโตแทน ของคำทวยทั้งหลายที่เกิดขึ้น เป็นเพียงเศษเสี้ยว ของคำทวยทั้งหลาย ที่บรรพบุรุษ คิดขึ้น ข้าฯน้อยเอง รวบรวมไว้ กะเพื่อแสดงถึงภูมิปัญญา ของบรรพชนคนอีสาน เพื่อให้คนรุ่นหลัง ได้ศึกษาเรียนรู้ ได้ระลึกถึงคุณค่า ของภูมิปัญญาเก่าก่อน...
... "การสื่อสารในความทรงจำ"เป็นเรื่องเล่าย้อนประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมานานวัน มาถึงวันนี้รู้ว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนาน ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกันวันเวลาได้เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารจากแบบเดิมๆเรียบๆง่ายๆสู่การใช้เทคโนโลยีเพื่อขยายวิสัยแห่งการสื่อสารให้กว้างขึ้นเร็วขึ้น
...การสื่อสารระดับบรอดแบนด์ได้ แต่ข้อจำกัด เหล่านี้จะถูกทลายลง เมื่อมีการเปิดตัวระบบที่อ้างอิงกับมาตรฐาน WiMax ออกมา โดยแอพพลิเคชันสำหรับการ สื่อสารบรอดแบนด์ไร้สาย WiMax จะช่วย ให้สามารถพัฒนางานต่างๆ ที่สนองตอบความต้องการการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้
เมื่ออินเทอร์เน็ตมีการใช้งานกว้างขวางขึ้น ความต้องการประยุกต์แบบใหม่ ๆ บนอินเทอร์เน็ตจึงได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้อินเทอรืเน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้โทรศัพท์บนเครือข่าย การติดต่อด้วยเสียง ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ การกระจายสัญญาณเสียงหรือภาพบนเครือข่าย และสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนาการ ประยุกต์จนสามารถใช้งานได้ดี คือระบบการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่าย IP
การสื่อสาร
...การสื่อสารแบบไร้สาย (wireless) เป็นระบบที่มีบทบาทและความสำคัญยิ่งระบบหนึ่ง เพราะระบบไร้สายสะดวก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องการเดินสาย และไม่ยุ่งยาก ระบบการสื่อสารแบบไร้สายใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีลักษณะการสื่อสารแบบจุดไปจุด และแบบกระจายคลื่นรอบทิศ
นิทานเรื่อง :" หมาน้อยจอมว่าแผน"
วันหนึ่งในขณะที่เจ้าตัวใหญ่หลับอยู่ เจ้าตัวเล็กก็ได้ประชุมหารือกัน...
โดยเจ้าน้อยเล็กสุดถามพวกพี่ๆ ว่า"พวกเราจะทำอย่างไรกับเจ้าตัวใตนี้ดีนะ ไม่ให้มันมารังแกเรา ได้ทุกวันอย่างนี้ บาววันฉันอยากจะกินข้าวก็ไม่ได้กินข้าวเลย มันแย่งฉันกินหมอ ฟ้องเจ้านายก็ไม่ได้"เจ้าสุนัขตัวรองเสนอแผนการขึ้นว่า"เอาอย่างนี้สิ หาระดิ่งหรือกระพรวนไปผูกคอมัน เวลามันแอบเดินมาหาเราตอนนอนหลับหรือตอนเราเผลอเราจะได้ยินกระดิ่งที่คอมัน พวกเราจะได้หาที่หลบทันดีไหม"
บรรดาพวกสุนัขพันธ์ปั๊กทั้งหลายต่างพากันชอบอกชอบใจในแผนการอันนี้มาก
แต่สนัขพี่ใหญ่ซึ่งเป็นตัวที่ฉลาดที่สุดในกลุ่มนิ่งคิดก่อนที่จะพูดอย่างหารือว่า"อืม...ม...ม...แผนการนี้ดีมากเลยพี่ชอบ แต่ว่า...ใครละจะเอากระดิ่งไปผูกคอมัน??"นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ใครๆก็สามารถเป็นผู้หรือวางแผนการต่างๆกันได้ แต่มีใครละจะลงมือทำ (ติดตามชมตอนแรกได้..กับเจ้าแม่ศลป์-ภาษา.."นิลวรรณ กาเผือก"ของแท้ต้องมีโลโก้ บุญหลง ติดบนปก
ผลงานนำเสมอ : ภาพวากระบายสี
จบ...วิทย์-คณิต...มาผลงานพอดูได้ไหมคะ
การไล่สี
การระบายสีให้สวยงามนั้งจะต้องมีการไล่สีเพื่อให้เรารู้หลักการระบายสีในแต่ละโทนสีเพื่อให้ผลงานออกมาดี
การออกแบบตัวอักษร
คือการออกแบบตัวอักษรโดยการใช้เส้นตรง การใช้เส้นโค้ง การใช้เส้นซิกแซก และการใช้เส้นปะ เพื่อให้ได้ตัวอักษรที่ออกมามีลักษณะที่แปลกใหม่ดูและตรงตามความต้องการ ของผู้ออกแบบ
photoshop
การทำกรอบภาพแบบ Halftone
1.เปิดภาพที่ต้องการทำกรอบขึ้นมา ดับเบิ้ลคลิ๊กที่คำว่า Background บน Layer ของภาพ แล้วก็กด Enter เพื่อปลดล็อค Layer 2.จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Edit in Quick Mask Mode แล้วเลือกเครื่องมือ Rectangular Marquee Tool เพื่อเลือกบริเวณที่จะทำกรอบ( Halftone จะใหญ่กว่า Selection ที่เราเลือกนิดหน่อย)
3. ต่อจากนั้นก็กด Ctrl+Delete เพื่อเทสีดำลงไป แต่เพราะเราทำงานใน Quick Mask Mode จึงแสดงผลออกมาเป็นสีแดง ( ตำแหน่งของสีต้องเป็นแบบนี้นะครับ ) แล้วกด Ctrl+D เพื่อยกเลิก
4. จากนั้น ไปที่Menubar เลือก Filter > Pixelate > Colour Halftone แล้วปรับค่าต่างๆตามภาพ (ค่า Max. Radius ถ้าปรับมากกว่านี้ จะทำให้ขนาดของวงกลมที่ขอบ ใหญ่และกว้างมากขึ้น)
5. จากนั้นคลิ๊กที่ปุ่ม Edit in Standard Mode เราก็จะได้พื้นที่ Selection แล้วก็กด Delete เพื่อลบส่วนที่ไม่ต้องการออก เราก็จะได้ภาพที่มีกรอบสไตล์ Halftone แล้ว
ตัวอักษรลุกเป็นไฟ
1. ให้ทำการสร้างไฟล์ใหม่โดยมาที่คำสั่ง File -->New โดยให้พื้นหลังเป็นสีดำ ขนาดตามที่ต้องการ
2. ทำการสร้าง Layer ใหม่ โดยการคลิ๊กไอค่อนรูปกระดาษตรง Layer แล้วทำการพิมพ์ตัวอักษรสีขาวลงไป โดยใช้อุปกรณ์ Type tool [ T ] หลังจากนั้นให้ทำตัวอักษรให้เป็นภาพโดยคลิ๊กขวาที่ Layer ตัวอักษร เลือกคำสั่ง Rasterize Type (Rasterize Layer หรือ Render Layer)
3. ไปที่คำสั่ง Filter --> Blur --> Gussian Blur โดยปรับค่า Radius = 1.0 pixels
4. จากนั้นให้ทำการหมุนตัวอักษร โดยมาที่คำสั่ง Images --> Rotate Canvas --> 90 CW
5. ไปที่คำสั่ง Filter --> Stylize --> Wind ให้ทำการปรับค่าต่างๆ ดังภาพ. (ถ้าตองการทำ Effects ซ้ำอีกให้กดปุ่ม Ctrl+F)
6. หลังจากนั้นให้ทำการหมุนกลับมาที่เดิมโดยไปที่คำสั่ง Images --> Rotate Canvas --> 90 CCW
7.ใส่เอฟเฟกต์ทำไฟให้เคลื่อนไหวโดยไปที่คำสั่ง File --> Distort --> Ripple โดยปรับค่า Amount = 100% ก็จะได้ดังภาพ
8. ทำภาพให้ Blur โดยใช้คำสั่ง Filter --> Blur --> Gussian Blur โดยปรับค่า Radius = 2.0 pixels เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลของ Effects
9. สร้าง Layer ใหม่โดยคลิ๊กไอค่อนรูปกระดาษตรง Layer หลังจากนั้น ให้ทำการใช้อุปกรณ์ Marquee tool สร้างเส้น Selection รูปสี่เหลี่ยมขึ้นมา แล้วทำการเลือกสี Foreground และ Background ให้เป็นสีแดงและส้ม จากนั้นใช้อุปกรณ์ Gradient ไล่เฉดแบบ Foreground to Background ก็จะได้ดังภาพ
10. เลือก Blending ของ Layer ให้เป็นแบบ Overlay
11. ใส่ effect ให้ Layer ตัวอักษร โดยใช้ Outer Glow ก็จะได้ดังภาพ
Shortcut :
http://www.webthaidd.com/photoshop
การทำภาพซีเปียร์
1. ไปที่ File/Open แล้วเลือกภาพที่ต้องการจะนำมาทำเป็นภาพซีเปียร์ ดังรูป
2. เมื่อเปิดรูปขึ้นมาแล้วไปที่ Image/Mode แล้วเลือกไปที่ Grayscale ดังรูป
3. จะมีกรอบวินโดว์ขึ้นมาให้ตอบ Ok
4. จะได้ภาพเป็นโทนขาวดำ ดังรูป
5. จากนั้นไปที่ Image/Mode เลือกไปที่ Duotone ดังรูป
5. จากนั้นไปที่ Image/Mode เลือกไปที่ Duotone ดังรูป
7. ตอบ Ok ก็จะได้รูปซีเปียร์อย่างง่ายๆ ดังรูป
8. เทคนิคนี้สามารถนำไปดัดแปลงทำภาพสีต่างๆได้
www.sanambin.com
นิทานเรื่อง กระต่ายน้อยเจ้าปัญญา
...มีแม่กระต่ายตัวหนึ่งอยู่ในป่ากับลูก
เล็กๆ สองตัว ชื่อ กุ๊กกิ๊ก กับ ปุ๊กปิ๊ก ต่าง
ช่วยกันทำมาหากินอย่างมีความสุข
แต่...แล้ววันหนึ่งแม่กระต่ายป่วยหนักลูกกระต่ายจึงปรึกษากันเพื่อจะพาแม่ไปรักษาตัว
พอดีมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินผ่านมา ได้ยินเรื่องที่ลูกกระต่ายปรึกษากัน
สุนัขจิ้งจอกรับอาสาจะช่วยพาแม่กระต่าย ไปหาหมอซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำในป่า ลูกกระต่ายดีใจมากที่มีคนมาช่วยเหลือ ดังนั้นสุนัขจิ้งจอกจึงพาแม่กระต่าย กุ๊กกิ๊ก และ ปุ๊กปิ๊ก ไปที่ถ้ำแห่งหนึ่ง
" พวกหนูๆ รออยู่นอกถ้ำนี่แหละ ลุงจะพาแม่ของหนูเข้าไปหาหมอในถ้ำ "สุนัขจิ้งจอกบอกกับลูกกระต่ายทั้งสอง แล้วตัวเองก็พาแม่กระต่ายเข้าไปในถ้ำ
สักครู่หนึ่ง.. ลูกกระต่ายได้ยินเสียงแม่ร้องขอความช่วยเหลือ" เสียงแม่นี่ ! "กุ๊กกิ๊กพูดอย่างตกใจ แล้วชวนน้องเข้าไปแอบดู ก็พบว่าแม่กำลังถูก สุนัขจิ้งจอกทำร้าย.......
ลูกกระต่ายทั้งสองพากันวิ่งออกมาจากถ้ำ "จะทำยังไงกันดีนี่"ลูกกระต่ายทั้งสองต่างมองหน้าปรึกษากัน แต่คิดอะไรยังไม่ออก "เอาอย่างนี้ดีกว่า"ปุ๊กปิ๊กพูดขึ้น "ทำอย่างไรดีล่ะ" กุ๊กกิ๊กถาม ปุ๊กปิ๊กจึงออกอุบายได้ความคิดให้กับ กุ๊กกิ๊ก
ลูกกระต่ายทั้งสองจึงแกล้งส่งเสียงร้องแบบดังๆ พร้อมๆ กัน เจ้าสุนัขจิ้งจอกได้ยินเข้า ตกใจ จึงออกมาดู "แผ่นดินถล่มฟ้าทลายหรือไงหา พวกเจ้า"สุนัขจิ้งจอก ถามด้วยความโมโหยิ่งนัก"หากพวกเจ้าขืนส่งเสียงดังกันแบบนี้ หมอก็รักษาแม่ของพวกเจ้าไม่ได้แน่ๆ"
" คือ พวกเราอยากได้ดอกบัวที่อยู่ตรงโน้นนะ" กุ๊กกิ๊กพูดแบบอ้อนๆ พร้อมชี้ขาหน้าไปที่ลำธารไม่ไกล จากถ้ำมากนัก"เวลาที่แม่หายดีแล้ว พวกหนูจะได้มีของมาฝากแม่ พาหนูไปเก็บดอกบัวหน่อยนะจ๊ะ คุณลุงใจดีรูปหล่อ"
"ยุ่งจริงเชียว" เจ้าสุนัขจิ้งจอกบ่นแต่ก็เดินนำหน้าไปถึงกลางสะพานข้ามลำธาร "หนูอยากได้ดอกโน้นจ๊ะลุง" กุ๊กกิ๊ก แกล้งชี้ไปยังดอกบัวที่อยู่ไกลๆ "ดอกใหญ่ดีจังเลย"
สุนัขจิ้งจอกพยายามยื่นหน้าออกไปเพื่อจะงับดอกบัวจนสุดตัวตามที่ กุ๊กกิ๊กต้องการ ลูกกระต่ายได้โอกาส จึงกัดขาหลังของสุนัขจิ้งจอกอย่างรุนแรงสุนัขจิ้งจอกทั้งตกใจและเจ็บ จึงพุ่งตัวไปข้างหน้าตามสัญชาติญาณ ตกลงไปในน้ำ สุนัขจิ้งจอกว่ายน้ำไม่เป็น น้ำทั้งลึกทั้งหนาวมันจึงจมน้ำตายไปในที่สุด
กุ๊กกิ๊ก และ ปุ๊กปิ๊ก ช่วยกันพยาบาลแม่กระต่ายจนอาการดีขึ้นและในที่สุดก็หายเป็นปกติแม่กระต่ายและลูกๆ จึงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้ที่คิดไม่ดีกับคนอื่น สุดท้ายอาจจะต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองก่อขึ้นอย่างเช่นเจ้าสุนัขจิ้งจอก
สี Colour
.....สีเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต ซึ่งมนุษย์รู้จัก สามารถ นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ในอดีตกาล มนุษย์ได้ค้นพบสีจากแหล่งต่าง ๆ จากพืช สัตว์ ดิน และแร่ธาตุนานาชนิด จากการ ค้นพบสีต่าง ๆ เหล่านั้น มนุษย์ได้นำเอาสีต่างๆ มาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง โดยนำมาระบายลงไปบนสิ่งของภาชนะเครื่องใช้หรือระบายลงไปบนรูปปั้น รูปแกะสลัก เพื่อให้รูปเด่นชัดขึ้น มีความเหมือนจริงมากขึ้นรวมไปถึงการใช้สีวาด ลงไปบนผนังถ้ำ หน้าผา ก้อนหิน เพื่อใช้ถ่ายทอดเรื่องราวและทำให้เกิดความ รู้สึกถึงพลังอำนาจที่มีอยู่เหนือสิ่งต่างๆทั้งปวง การใช้สีทาตามร่างกายเพื่อ กระตุ้นให้เกิดความฮึกเหิม เกิดพลังอำนาจ หรือใช้สีเป็นสัญลักษณ์ในการถ่ายทอด ความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
.....ในสมัยเริ่มแรก มนุษย์รู้จักใช้สีเพียงไม่กี่สี สีเหล่านั้นได้มาจากพืช สัตว์ ดิน แร่ธาตุต่าง ๆ รวมถึงขี้เถ้า เขม่าควันไฟ เป็นสีที่พบทั่วไปในธรรมชาติ นำมาถู ทา ต่อมาเมื่อทำการย่างเนื้อสัตว์ ไขมัน น้ำมัน ที่หยดจากการย่างลงสู่ดินทำให้ดินมี สีสันน่าสนใจ สามารถนำมาระบายลงบนวัตถุและติดแน่นทนนาน ดังนั้นไขมันนี้ จึงได้ทำหน้าที่เป็นส่วนผสม (binder) ซึ่งมีความสำคัญในฐานะเป็นสารชนิดหนึ่ง ที่เป็นส่วนประกอบของสี ทำหน้าที่เกาะติดผิวหน้าของวัสดุที่ถูกนำไปทาหรือ ระบาย นอกจากไขมันแล้วยังได้นำไข่ขาว ขี้ผึ้ง (Wax) น้ำมันลินสีด (Linseed) กาวและยางไม้ (Gum arabic) เคซีน (Casein: ตะกอนโปรตีนจากนม) และสาร พลาสติกโพลีเมอร์ (Polymer) มาใช้เป็นส่วนผสม ทำให้เกิดสีชนิดต่าง ๆ ขึ้นมา องค์ประกอบของสี แสดงได้ดังนี้
เนื้อสี (รงควัตถุ) + ส่วนผสม = สีชนิดต่างๆ
(Pigment) (Binder) Colour
.....ในสมัยต่อมา เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการมากขึ้น เกิดคตินิยมในการรับรู้ และชื่นชมใน ความงามทางสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) สีได้ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง และวิจิตรพิสดาร จากเดิมที่เคยใช้สีเพียงไม่กี่สี ซึ่งเป็นสีตามธรรมชาติ ได้นำมาซึ่งการประดิษฐ์ คิดค้น และผลิต สีใหม่ ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ความงามอย่างไม่มีขีดจำกัด โดยมี การพัฒนามาเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่มาของสี สีที่มนุษย์ใช้อยู่ทั่วไป ได้มาจาก
1 สสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และนำมาใช้โดยตรง หรือด้วยการสกัด ดัดแปลงบ้าง จากพืช สัตว์ ดิน แร่ธาตุต่าง ๆ
2 สสารที่ได้จากการสังเคราะห์ซึ่งผลิตขึ้นโดยกระบวนการทางเคมี เป็นสารเคมีที่ผลิตขึ้นเพื่อให้สามารถนำมาใช้ได้ สะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นสีที่เราใช้อยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
3 แสง เป็นพลังงานชนิดเดียวที่ให้สี โดยอยู่ในรูปของรังสี (Ray) ที่มีความเข้มของแสงอยู่ในช่วงที่สายตามองเห็นได้
แสงสี
แสงสี
.....แสง เป็นพลังงานรังสี ( Radiation Energy ) ที่ตารับรู้และมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยกระบวนการ วิเคราะห์แยกแยะของสมอง ตาสามารถวิเคราะห์พลังงานแสงโดยการรับรู้วัตถุ สัมพันธ์กับตำแหน่ง ทิศทาง ระยะทาง ความเข้มของแสง และความยาวคลื่นที่มองเห็นได้
....สี คือลักษณะความเข้มของแสงที่ปรากฏแก่สายตาให้เห็นเป็นสี โดยผ่านกระบวนการรับรู้ด้วยตา มองจะรับข้อมูลจากตา โดยที่ตาได้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลพลังงานแสงมาแล้ว ผ่านประสาท สัมผัสการมองเห็น ผ่านศูนย์สับเปลี่ยนในสมองไปสู่ศูนย์การมองเห็นภาพ การสร้างภาพ หรือการมองเห็นก็คือ การที่ข้อมูลได้ผ่านการวิเคราะห์แยกแยะให้เรารับรู้ถึงสรรพสิ่งรอบตัว
การตรวจวัดคลื่นแสงเริ่มขึ้นใน คริสต์ศตวรรษที่ 19 ในปี 1928 ไรท์ ( W.D.Wright ) และ กิลด์ ( J.Guild ) ประสบความสำเร็จในการตรวจวัดคลื่นแสงครั้งสำคัญ และได้รับการรับรอจาก CommissionInternationale de l 'Eclairage หรือ CIE ในปี 1931 โดยถือว่าเป็นการตรวจวัมาตฐาน
สามเหลี่ยมสี CIE เป็นภาพแสดง รูปสามเหลี่ยมเกือกม้า นำเสนอไว้ในปี 1931 โดยการวิเคราะห์สีจากแสงสเปคตรัม สัมพันธ์กับความยาวคลื่นแสง แสดงถึงแสงสีขาวท่ามกลางแสงสเปคตรัมรอบรูปเกือกม้าโค้งรูปเกือกม้าแสดงความยาวคลื่นจาก 400- 700 mu สามเหลี่ยมสี CIEสร้างขึ้นตามระบบความสัมพันธ์พิกัด X และ Y คาร์เตเชียน ในทางคณิตศาสตร์จากมุมตรงข้าม 3 มุมของรูปเกือกม้า คือสีน้ำเงินม่วงเข้มประมาณ 400 mu สีเขียวประมาณ 520 mu และสีแดงประมาณ 700 mu คือสีจากแสง ที่จะนำมาผสมกันและก่อให้เกิดสีต่าง ๆ ขึ้น แสงสีแดงมีความยาวคลื่นสูงสุด แต่มีความถี่คลื่นต่ำสุด จะหักเหได้น้อยที่สุดและแสงสีม่วงจะมีความยาวคลื่นน้อยสุด แต่มีความถี่คลื่นสูงสุด และหักเหได้มากที่สุด
.....โครงสร้างของสามเหลี่ยมสี CIE นี้ มิได้ขึ้นอยู่กับทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่ง แต่เกิดจากการทดลองค้นคว้าทาง วิทยาศาสตร์ ระบบการพิมพ์อุตสาหกรรม การถ่ายภาพภาพยนตร์ โทรทัศน์ ได้ใช้โครงสร้างสีนี้เป็นหลัก ในระบบการพิมพ์ได้ใช้สี จากด้าน 3 ด้านของรูปเกือกม้าคือ สีเหลือง ฟ้า สีม่วงแดง และสีดำเป็นหลัก ส่วน ในการถ่ายภาพ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ ใช้สีจากมุมทั้งสาม คือ แดง เขียว น้ำเงิน เป็นหลัก
ในราวปี ค.ศ. 1666 เซอร์ ไอแซค นิวตันได้แสดงให้เห็นว่า สีคือส่วนหนึ่งในธรรมชาติของแสงอาทิตย์ โดยให้ลำแสงส่องผ่านแท่งแก้วปริซึม แสงจะหักเหเพราะแท่งแก้วปริซึมความหนาแน่นมากกว่าอากาศเมื่อลำแสงหักเหผ่านปริซึมจะปรากฏแถบสีสเปคตรัม ( Spectrum) หรือที่เรียกว่า สีรุ้ง (Rainbow) คือ สีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง เมื่อแสงตกกระทบโมเลกุลของสสาร พลังงานบางส่วนจะดูดกลืนสีจาก แสงบางส่วน และสะท้อนสีบางสีให้ปรากฏเห็นได้ พื้นผิววัตถุที่เราเห็นเป็นสีแดง เพราะ วัตถุดูดกลืนแสงสี อื่นไว้ สะท้อนเฉพาะแสงสีแดงออกมา วัตถุสีขาวจะสะท้อนแสงสีทุกสี และวัตถุสีดำ จะดูดกลืนทุกสี
.....จากทฤษฎีการการหักเหของแสงของ ของนิวตัน และจากสามเหลี่ยมสี CIE พบว่า แสงสีเป็นพลังงานเพียง ชนิดเดียวที่ปรากฎสี จากด้านทั้ง 3 ด้านของรูปสามเหลี่ยมสี CIE นักวิทยาศาสตร์ได้กำหนดแม่สีของแสงไว้ 3 สี คือ สีแดง ( Red ) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน ( Blue ) แสงทั้งสามสี เมื่อนำมาฉายส่องรวมกัน จะทำให้เกิด สีต่าง ๆ ขึ้นมา คือ
แสงสีแดง + แสงสีเขียว = แสงสีเหลือง ( Yellow )
แสงสีแดง + แสงสีน้ำเงิน = แสงสีแดงมาเจนตา ( Magenta)
แสงสีน้ำเงิน + แสงสีเขียว = แสงสีฟ้าไซแอน ( Cyan )
และถ้าแสงสีทั้งสามสีฉายรวมกัน จะได้แสงสีขาว หรือ ไม่มีสี เราสามารถสังเกตแม่สีของแสง ได้จากโทรทัศน์สี หรือจอคอมพิวเตอร์สี โดยใช้แว่นขยายส่องดูหน้าจอจะเห็นเป็นแถบสีแสงสว่าง3 สี คือ แดง เขียว และน้ำเงิน นอกจากนี้เราจะสังเกตเห็นว่า เครื่องหมายของสถานีโทรทัศน์สีหลาย ๆ ช่อง จะใช้แม่สีของแสง ด้วยเช่นกัน ทฤษฎีของแสงสีนี้ เป็นระบบสีที่เรียกว่า RGB ( Red - Green - Blue ) เราสามารถนำไปใช้ในการ ถ่ายทำภาพยนตร์ บันทึกภาพวิดีโอ การสร้างภาพ เพื่อแสดงทางคอมพิวเตอร์ การจัดไฟแสงสีในการแสดง การจัดฉากเวที เป็นต้น แสงสีที่เป็นแม่สี คือ สีแดง น้ำเงิน เขียว จะเรียกว่า สีพื้นฐานบวก ( Additive primary colors )คือ เกิดจาก การหักเหของแสงสีขาว ส่วนสีใหม่ที่เกิดจากการผสมกันของแม่สีของแสงทั้งสามสี จะเรียกว่า สีพื้นฐานลบ (Subtractive primary colors ) คือ สีฟ้าไซแอน (Cyan) สีแดงมาเจนต้า(Magenta) และสีเหลือง (Yellow) ทั้งสามสีเป็นแม่สีแม่ใช้ในระบบการพิมพ์ออฟเซท หรือที่เรียกว่า ระบบสี CMYK โดยที่มีสีดำ (Black) เพิ่มเข้ามา
my family
my friends
ถ้าจะกล่าวถึงเพื่อนใน 4 คน นี้ก็มีหลายมุมมองถ้าจะพูดถึงสาวมหัศจรรย์ใส่เสื้อขาวยืนอยู่ขวามือสุด(เพื่อนเรียกสั้นว่าโอม)เป็นเพื่อนที่ดีมากค่อยติวข้อสอบให้ทุกครั้งเวลาสอบทัดจากโอมเสื้อสีชมพูมอ่อนชื่อฝ้ายเป็นเพื่อนที่น่ารักมากค่ะทำงานกลุ่มทุกครั้งประสบความสำเร็สได้ A ทุกครั้งค่ะทัดจากฝ้ายเป็นนางฟ้าเสื้อลายสะพายปืนเธอคนนี้มีนามว่า"น้องรุ้ง"ตัวข้าพเจ้าเองค่ะ)เป็นคนที่มีอัธยาศัยดีรักเพื่อนทัดไปเป็นเสื้อเขียวชื่อดาวเป็นเพื่อนที่อพยพมาจากลาวอุบลด้วยกันเธอเป็นเพื่อที่แฟร์ที่สุดในทุกเรื่องยกเว้นเรื่องแฟน(อิอิอิ) อยากจะบอกว่า..."ปลื้มมากที่ได้เป็นเพื่อนกัน"ถัดไปเสื้อดำชื่อ "นิ่ม"น่ารักเป็นกลุสตรีชอบทำกับข้าว....ยังมีเพื่อน 26 คน สวยกว่าดาราติดตามชมในตอนต่อไป......
การทำภาพ JIGSAW อย่างมืออาชีพ
1. เปิดภาพที่ต้องการจะทำเป็นภาพ Jigsaw ขึ้นมา จากนั้นเปิดภาพที่ชื่อ kwan.tif ขึ้นมา (ภาพที่ได้ดาวโหลดไป) ดังรูป
2. จากนั้นคลิ้กที่ภาพที่ต้องการจะทำ Jigsaw แล้วไปที่ Image/Image Size ดังรูป (อย่าลืมต้องคลิ้กภาพที่จะทำ Jigsaw ก่อน)
3. จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมา ให้ดูค่าตัวเลขในช่อง Pixel Dimensions โดยในที่นี้จะมีค่าดังนี้ width=487 Pixels และ Height=414 Pixels ดังรูป
4. กด Cancel แล้วนำเม้าท์ไปคลิ้กที่ภาพที่ได้ดาวโหลดไป จากนั้นไปที่ Image/Image Size จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมาให้คลิ้กเอาเครื่องหมายถูกหน้าข้อความว่า Constrain Proportions ออก แล้วไปใส่ค่าตัวเลขในช่อง Pixel Dimensions ให้เหมือนในกับค่าที่ได้จากขั้นตอนที่ 3 ในที่นี้ค่าที่ใส่ในช่องคือ width=487 Pixels และ Height= 414 Pixels ดังรูป (อย่าลืมต้องคลิ้กภาพที่ดาวโหลดไปก่อน)
5. กด Ok จากนั้นนำเม้าท์ไปคลิ้กที่ภาพที่จะทำ Jigsaw แล้วไปที่ Select/Load Selection ดังรูป (อย่าลืมต้องคลิ้กภาพที่จะทำ Jigsaw ก่อน)
6. จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมาในช่อง Document ให้เลือกไปที่ kwan.tif และช่อง Channel เลือกไปที่ Black ดังรูป
7. กด Ok จะปรากฏเส้นปะขึ้นมาในภาพ จากนั้นไปที่ Image/Adjust แล้วเลือกไปที่ Levels ดังรูป
8. จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมา ให้ดูตรงช่อง Output Levels ในช่องที่ 2 ให้พิมพ์ค่าลงไปเป็น 10 กด Ok ดังรูป
9. จากนั้นไปที่ Select/Load Selection จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมา ในช่อง Document เลือกเป็น kwan.tif ในช่อง Channel เลือกเป็น Highlights แล้วกด Ok ดังรูป
10. จะปรากฏเส้นปะใหม่ขึ้นมาแล้วไปที่ Image/Adjust เลือกไปที่ Levels จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมา ให้ดูตรงช่อง Output Levels ในช่องที่ 1ให้พิมพ์ค่าลงไปเป็น 245 แล้วกด Ok ดังรูป
11. จากนั้นไปที่ Select/Load Selection จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมา ในช่อง Document เลือกเป็น kwan.tif ในช่อง Channel เลือกเป็น Grooves แล้วกด Ok ดังรูป
12. จะปรากฏเส้นปะใหม่ขึ้นมา จากนั้นให้เลือกสี Foreground เป็นสีดำโดยคลิ้กที่รูปสีขาวดำเล็กๆที่อยู่มุมซ้ายล่างในช่องแสดงสี แล้วไปที่ Edit/Fill ดังรูป
13. จะปรากฏกรอบวินโดว์ขึ้นมาให้กำหนดในช่อง Use เป็น Foreground color และช่อง Opacity เป็น 100 % แล้วกด Ok ดังรูป
14. จากนั้นไปที่ Select/None ก็จะได้รูป Jigsaw ขึ้นมาดังรูป
ธิดารัตน์
คลังบทความของบล็อก
▼
2008
(1)
▼
มิถุนายน
(1)
▼
มิ.ย. 21
(1)
มุมคนโสด
►
2007
(14)
►
ตุลาคม
(13)
►
ต.ค. 21
(8)
►
ต.ค. 10
(1)
►
ต.ค. 09
(1)
►
ต.ค. 04
(3)
►
กันยายน
(1)
►
ก.ย. 24
(1)
เกี่ยวกับฉัน
ธิดารัตน์ วงษ์ละคร
โคราช, ไทยอีสาน
ชื่อ:: ธิดารัตน์ วงษ์ละคร เกิด:: 06/03/29 ที่อยู่::12/2 บ.นาคอ ต.หนามแท่ง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี 34250 ปัจจุบัน:: กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง คติประจำใจ:: หนทางชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ดูโปรไฟล์ทั้งหมดของฉัน